เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นภาพนี้ ภาพที่ชั้นวางของเกลี้ยงสนิท ไม่ว่าจะเป็นที่มินิมาร์ทเล็ก ๆ หรือซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ เราแตกตื่นกันว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนสินค้า น้ำดื่มขึ้นราคา 3-4 เท่า ข้าวสารอาหารแห้งเริ่มขาดตลาด ไหนจะไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเราจะตกเป็นผู้ประสบภัยอยู่ในบ้านเป็นเวลานานหรือเปล่า หลายคนจึงเริ่มซื้อไปกักตุน จากซื้อน้ำทีละสองสามขวด ต้องซื้อทีละสิบขวดเผื่อของขาดตลาด ยิ่งซื้อเยอะของยิ่งหมดเร็ว พอหมดเร็วก็กลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ ทันทีที่ของมาก็ซื้อเยอะ ยิ่งซื้อเยอะของก็ยิ่งหมดเร็ว ทั้งเยอะทั้งเร็ว จนชวนให้สงสัยว่าเราอยู่ในภาวะขาดแคลนสินค้าจริงหรือเปล่า? เราลองถอยมาดูภาพรวมของกำลังผลิตทั้งประเทศกัน เริ่มต้นที่น้ำดื่ม ปกติแล้วคนเราบริโภคน้ำดื่มที่วันละประมาณสองลิตร รวมคนไทยทั้งประเทศจะดื่มได้วันละ 134…
หลังการประกาศเตือนภัย เราคงจะพอเห็นได้ว่าบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ เริ่มมีน้ำเข้ามาแล้ว บางครอบครัวเริ่มทยอยอพยพออกไป บางครอบครัวก็อยู่กับบ้านตามปกติ สำหรับใครที่ยังอยู่กับบ้านลองพิจารณาสามสิ่งที่ต้องสังเกตอีกครั้ง (แบบที่กล่าวไปเมื่อตอนที่ 4) – เช็คระดับน้ำ ทั้งบ้านเราเองและบริเวณใกล้เคียง – สุขภาพของคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ผู้ป่วย คนชรา คนพิการ – ดูความพร้อมที่เตรียมไว้ หากวันนี้สถานการณ์ที่คุณอยู่ในกรณีที่คุณคิดว่าควรจะอพยพ เราจะพาคุณไปเตรียมตัวกัน ขั้นตอนการเตรียมตัวอพยพ ถ้าจะให้จำง่าย ๆ ก็เหมือนกับการไปเที่ยว…
สำหรับใครที่เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมไว้อย่างดีแล้ว ก็อาจจะยังคงกังวลว่าถ้าน้ำมาจริง ๆ จะรับมือไหวหรือเปล่า ถ้าคุณกังวลอยู่ ลองติดตามข่าวสารและประเมินสถานการณ์อีกครั้ง สามสิ่งที่ต้องสังเกต : 1.ระดับน้ำ ให้พิจารณาระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ใกล้เคียง 2.สุขภาพของคนในครอบครัว เด็ก ผู้ป่วย คนชรา คนพิการ อาจทนต่อภาวะน้ำท่วมได้ยากกว่าคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง 3.ความพร้อมที่เตรียมไว้ ทั้งความเป็นอยู่หากน้ำมา และปกป้องทรัพย์สินมีค่าในกรณีที่ต้องอพยพ ลองพิจารณาสามสิ่งนี้ตามสภาพการณ์ของคุณเอง เพราะท้ายที่สุดการตัดสินใจว่าจะอพยพหรือไม่เป็นของแต่ละครอบครัวซึ่งมีปัจจัยต่างกัน แต่ถ้ายังไม่มั่นใจว่าถ้าไม่อพยพจะอยู่ได้หรือไม่ ลองไปดูวิธีการอยู่กับน้ำกันครับ 1.ความปลอดภัยในบ้าน ไฟฟ้าเป็นสิ่งแรกที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้…
ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ว่าน้ำจะท่วมบ้านเราหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ การเตรียมบ้านของเราให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ แม้ภัยพิบัติมาเราก็ยังดูแลตนเองได้ และไม่ตกเป็นผู้ประสบภัยแน่นอน อย่าคิดว่าการเตรียมบ้านเพื่อรับมือกับน้ำท่วมเป็นเรื่องยุ่งยาก เพียงแค่ตั้งสติและค่อย ๆ ตรวจสอบบ้านของคุณตามสามขั้นตอนดังนี้ 1.ตรวจสอบรอบบ้าน ดูว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่บ้านของเราเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมโดยรวมเพื่อประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมบริเวณบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงจุดที่น้ำท่วม ที่สำคัญที่สุดคือควรตรวจสอบหน่วยงานให้ความช่วยเหลือที่สำคัญหรือศูนย์อพยพใกล้เคียง ควรรู้เส้นทางหรือหมายเลขโทรศัพท์ไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในยามฮุกเฉินที่เราต้องการช่วยเหลือ 2.จัดการสินทรัพย์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ การป้องกันน้ำเข้า และจัดการกับเข้าของ การป้องกันน้ำเข้า อันดับแรกคือการปิดประตูและหน้าต่างที่อยู่ต่ำ และจัดการกับรอบต่อตามจุดต่าง…
สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้หลายคนเริ่มสงสัยว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ เมื่อพยายามค้นหาคำตอบจากหลายที่ก็พบว่ามีข้อมูลมากมายจนจับต้นชนปลายแทบจะไม่ถูก ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าข้อมูลไหนบ้างที่จำเป็นต่อการประเมินสถานการณ์น้ำท่วม ข้อมูลหลายอย่างอาจฟังดูยากและสับสนในช่วงแรก แต่ถ้าเราค่อย ๆ ทำความรู้จักมันละก็ ความไม่รู้และกังวลจะหมดไป ในวันนี้เราจะมาตอบสามคำถามสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถประเมินสถานการณ์น้ำท่วมได้ง่ายด้วยตนเอง ไม่ต้องรอคำตอบจากใคร เพื่อที่คุณจะได้เตรียมพร้อมและหลีกเลี่ยงการเป็นผู้ประสบภัยแม้น้ำจะมาถึงแล้ว คำถามข้อแรกคือ : บ้านเราจะท่วมหรือไม่? คำถามนี้กวนใจตลอดเวลา กลางวันไม่เป็นอันทำงาน กลางคืนนอนหลับไม่ลง อย่างแรกที่คุณต้องรู้คือจุดยุทธศาสตร์ของเรา รู้จักเขตที่บ้านเราอยู่ ดูว่าอยู่จุดไหนของแผนที่ รวมถึงจดจำเขตใกล้เคียงในละแวกบ้าน เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลได้เวลาฟังข่าวตามสื่อต่าง ๆ รู้ทิศทางการระบายน้ำออกสู่ทะเล…
ถ้าเราลองสังเกตรอบตัวดู จะพบว่าในช่วงวิกฤติน้ำท่วม มีคนมากมายหลายประเภท บางคนชอบติดตามข่าว เกาะติดสถานการณ์ แต่โทรทัศน์ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เราอยากรู้เลย ถึงจะหันไปดูข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็มีไหลล้นทะลักออกมาเสียจนเลือกไม่ถูก แค่ค้นคำว่า “น้ำท่วม” ใน Google ก็จะพบการค้นหาถึงสามสิบหกล้านรายการ จึงหมายความว่า น้ำยังไม่ทันจะท่วม ข้อมูลดันมาท่วมเสียก่อน บางคนทำทุกอย่างที่ได้แชร์ในเฟซบุ๊ค ตุนข้าวของ จอดรถบนทางด่วน ซื้อเรือ ตื่นตระหนกไปกับทุกข่าวทุกข้อมูล แต่บางคนก็เฉย ๆ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเราไม่รู้จริง ๆ…
อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่า หากมีอัปเดตข่าวสารใหม่ ๆ หรือเวลาว่าง ๆ ก็จะอัปโหลดให้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วง ม.ปลายของผม และผมบอกไปแล้วว่าผมใช้ Sony Vegas อย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้ว และ Drobnovian Knights I ตอนอวสานก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผมใช้ Sony Vegas ยังไง ฉะนั้นผมก็ขออภัยอีกครั้งด้วยนะครับ…
ในขณะนั้น พวกเจซซี่ พวกภัททิต้า และพวกพอเพียง ได้เข้ามาสู้กับฮีโร่บรายน์ และสตีฟกับอเล็กซ์ก็เข้าไปต่อสู้กับฮีโร่บรายน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งต่อมา ฮีโร่บรายน์ก็ได้รวบรวมเคออสเอเมอรัลด์ อินฟินิตี้เจ็มสโตน และถุงมืออันเป็นภาชนะครบแล้ว และเริ่มโจมตีทันที การโจมตีครั้งยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นในพิระมิดทะเลทรายอีกครั้งเพื่อนำเมทริกซ์กลับมา และตอนนี้พวกเฮเซพอเพียงตั้งแต่เฟส 293 – 707 รวมกันโจมตีศัตรู มีทั้งไทม์ ดาร์คเนส โปรโต และฮีโร่บรายน์ ซึ่งคนที่ไปจัดการคือ พอล ริชาร์ด โจ…
มหายุคที่เจ็ด เป็นมหายุคทีแตกต่างออกไปตั้งแต่ต้น และคราวนี้หลังจากสงครามใหญ่จากอันเดดไซเบอร์ (Undead Cyber) และเอนเดอร์ (Ender) (ซึ่งสงครามใหญ่จากวิเตอร์ (Wither) กับโปรโตเพิ่งจะเริ่มด้วยสิ) สตีฟในมหายุคที่เจ็ดก็ได้ไปที่เก็บหีบที่ฝังฮีโร่บรายน์ แต่คราวนี้มีอเล็กซ์ไปด้วย (Alex) ซึ่งคราวนี้พวกเขาก็ไม่รู้จักฮีโร่บรายน์ แต่ฮีโร่บรายน์ดันรู้จักสตีฟในหกมหายุคก่อนหน้านี้ และได้ผนึกทั้งสตีฟกับอเล็กซ์ไว้ในที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และแยกฮีโร่บรายน์ส่วนหนึ่งกับเฟลที่รอดจากการถูกผนึกไว้ในเมทริกซ์ในพิระมิดทะเลทราย ไปฝังไว้ในท้องของ จิน (Jin) แวมไพร์ทอมบอยที่แปลงเพศจากผู้หญิงไปเป็นผู้ชายเพื่อปกป้องสิ่งที่เธอรัก หลังจากต้องมาสูญเสียแม่ของเธอไป ในขณะนั้นจินรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีใครมาปองร้าย…
เรื่องมันเกิดมาจากการที่มีมนุษย์ในเมืองหนึ่งได้สร้างเครื่องกำเนิดเพื่อใช้พลังเงาดำ ๆ ผสานกับพลังเวทมนตร์เฟล (Fel Magic) จากซาเกราส (Sageras) แต่ทว่ามันเกิดควบคุมไม่ได้ จนเกิดระเบิดขึ้นมา พลังเฟลและพลังเงากระจายไปคนละทิศคนละทาง เงาดังกล่าวถูกเรียกว่า “ฮีโร่บรายน์” (Herobrine) ซึ่งมันเคลื่อนไปทางหนึ่ง ส่วนเฟลก็ไปอีกทางหนึ่ง สตีฟ (Steve) กับเหล่าผู้พิทักษ์กาลเวลากลุ่มย่อย ๆ เข้าไปในเมืองและเข้าไปในห้องทดลองและเจอกับเหตุการณ์นั้นพอดี สตีฟบอกว่าจะไปจัดการกับฮีโร่บรายน์ ส่วนพวกที่เหลือมาจัดการกับพวกเฟล โดยก่อนที่สตีฟจะไปจัดการกับฮีโร่บรายน์ เจ้าเมืองซึ่งเป็นผู้ดูแลเครื่องกำเนิดดังกล่าวซึ่งบาดเจ็บหนักมาก ได้ขอให้ใช้คฑาแห่งเงา…