ว่าด้วยเรื่องเส้นเวลาต่าง ๆ
“เส้นเวลา” (Timeline) เป็นสิ่งที่กำหนดถึงระยะเวลา โดยใน Fantasy Warfare จะมีเส้นเวลาดังต่อไปนี้
1.เส้นเวลาหลัก (Main Timeline) เป็นเส้นเวลาที่เดินทางเป็นเส้นตรง ไม่มีหยุดนิ่ง ไม่มีย้อนกลับ และแบ่งเป็นยุคต่าง ๆ ซึ่งมันก็คือเส้นเวลาปัจจุบันนั่นเอง
2.เส้นเวลาอดีต (Past Timeline) หรือ “เส้นเวลาตกกระป๋อง” เป็นเส้นเวลาที่รวมยุคต่าง ๆ ที่มีในอดีตมารวมกัน
3.เส้นเวลาอนาคต (Future Timeline) เป็นเส้นเวลาที่รวมยุคที่เทพเจ้านาม “ไทม์” (Time) สร้างขึ้นมาแล้วไปรวมกันไว้ในนี้ ก่อนจะค่อย ๆ ทยอยถูกย้ายไปอยู่ในเส้นเวลาหลัก
สามเส้นเวลานี้เป็นไปตามวงจรที่ว่า เมื่อไทม์สร้างยุคสมัยใด มันจะถูกเก็บไว้ในเส้นเวลาอนาคต และเมื่อมันเริ่มยุค มันจะถูกย้ายไปอยู่ในเส้นเวลาหลัก และเมื่อสิ้นสุดยุค มันจะถูกย้ายไปอยู่ในเส้นเวลาอดีต
นอกจากนี้ยังมีเส้นเวลาคู่ขนานอีก ซึ่งประกอบไปด้วย
1.เส้นเวลาแยก (Side Timeline) เป็นเส้นเวลาที่ไทม์ไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมา เป็นผู้ดูแลยุคสร้างขึ้นมาเอง
2.เส้นเวลาทมิฬ (Darkness Timeline) เป็นเส้นเวลาที่เทพเจ้าฝาแฝดนาม “ดาร์คเนส” (Darkness) สร้างขึ้นมา
โดยเรื่องราวของ Road To Fantasy Warfare นั้นเกิดมาจากที่เฮเซพอเพียงเฟส 013 (Heisei Porpiang Phase 013) มีความคิดที่จะสร้างเส้นเวลาคู่ขนานเป็นของตนเอง จากนั้นเขาก็ได้ไปพบกับจักรพรรดิอันเดดไซเบอร์ (Undead Cyber Emperor) และทำพันธสัญญากับดาร์คเนสเพื่อต้องการสร้างให้สำเร็จ แต่เนื่องจากเฮเซพอเพียงเฟส 013 รู้ทันอยู่แล้วจึงฉีกวิญญาณตนเองออกไปสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นวิญญาณดี อยู่ในร่างเฮเซพอเพียงเฟส 013 เช่นเดิม อีกส่วนเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ถูกดาร์คเนสควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ ในที่สุด เฮเซพอเพียงเฟส 013 ก็สามารถสร้างเส้นเวลาคู่ขนานได้สำเร็จ ผลที่ตามมาคือ วิญญาณชั่วร้ายที่ถูกดาร์คเนสควบคุมได้สร้างเส้นเวลาคู่ขนานมากกว่าที่เฮเซพอเพียงเฟส 013 สร้างไว้ และวิญญาณชั่วร้ายได้กลายมาเป็น “ฮีโร่บรายน์ 1.0” (Herobrine 1.0) กับเอ็นติตี้_303 (Entity_303) และนูล (Null) โดยสองคนหลังเป็นผู้ดูแลเส้นเวลาทมิฬ และรวมไปถึงพวกลูกน้องที่เป็นตัวรองอีกมาก ทำให้เส้นเวลาทมิฬโดยหลัก มีสองเส้นเวลา ส่วนเฮเซพอเพียงเฟส 013 สร้างเส้นเวลาแยกไว้ถึงสี่เส้นเวลา โดยถูกตั้งชื่อยุคว่า “นีโอเฮเซ” (Neo-Heisei) “ไดเฮเซ” (Dai-Heisei) โมเดิร์นเฮเซ (Modern Heisei) และ “แอดวานซ์เฮเซ” (Advanced Heisei) ตามลำดับ
ทีนี้ยุคแอดวานซ์เฮเซมีข้อแตกต่างจากชาวบ้าน ตรงที่สภาพแวดล้อมไม่เหมือนคนอื่นเพราะว่ามีฮิวแมนิคสปีชี่ส์ใหม่ที่เรียกว่า “ซูเปอร์ฮิวแมนิค” (Super Humanic) และไม่ใช่แค่โคลนพอเพียงคนเดียวที่มีไทม์เจ็ม ยังมีอีกสองคนที่มีเช่นกัน นั่นคือภัททิต้า (Pattita) กับเจซซี่ (Male Jesse) ซึ่งทั้งสองคนนี้มาพบกันในช่วงภัยพิบัติเนเธอร์รีแอคเตอร์ครั้งที่สอง (Nether Reactor Disaster II)
ไทม์เองก็ได้จับตามองอยู่ และคิดว่าปล่อยไปเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่เพราะโคลนจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามเส้นเวลาหลักที่เปลี่ยนยุคสมัย จึงปรับเปลี่ยนให้เส้นเวลาที่มียุคต่าง ๆ มีเฉพาะเส้นเวลาหลัก เส้นเวลาอดีต และเส้นเวลาอนาคตเท่านั้น ส่วนเส้นเวลาคู่ขนานที่เกิดขึ้นด้วยพลังแห่งความมืด จะมียุคเดียวยาว ๆ ไป เพื่อจะได้ไม่ต้องเพิ่มจำนวนโคลนให้มากเกินกว่านี้ ส่วนโชวะพอเพียง (Showa Porpiang) เห็นโอกาสนี้แล้วก็คิดที่จะกำจัดเส้นเวลาทมิฬที่เพิ่มจำนวนเส้นเวลาขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่หยุดเหล่านี้ทิ้งทั้งหมด จึงพาเซมิเฮเซพอเพียง (Semi-Heisei Porpiang) กับเฮเซพอเพียงเฟสต่าง ๆ มารวมตัวกัน
ในขณะที่เฮเซพอเพียงเฟส 013 ได้พาพวกพอเพียงจากเส้นเวลาที่เขาสร้าง รวมถึงภัททิต้ากับเจซซี่ในยุคแอดวานซ์เฮเซพอเพียงด้วย มารวมตัวกันเพื่อกำจัดฮีโร่บรายน์ 1.0 และลูกน้องอีกมาก
ฮีโร่บรายน์ 1.0 และร่างโคลนของเขาตาย และเส้นเวลาทมิฬย่อย ๆ ถูกลบออกไปไม่เหลือ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว มีอยู่สามโคลนที่รอดมาได้ สองโคลนแรกคือเอ็นติตี้_303 กับนูล อีกโคลนเป็นพอเพียงอีกคน จิตที่ฝังอยู่ได้เป็นมนุษย์ที่มีพลังเหมือนพอเพียง และเรียกตนเองว่า “โพสต์เฮเซพอเพียง” (Post-Heisei Porpiang) และสร้างเส้นเวลาของตนเอง และสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนเส้นเวลาหลัก จากนั้นจึงสร้างยุคต่อจากยุคโพสต์เฮเซ นั่นคือยุคมิลเล็นเนี่ยม (Millennium)