ว่าด้วยเรื่องการล่าแม่มด 2
มาพูดถึงเรื่องของการล่าแม่มดก่อนนะครับ
ความเชื่อของชาวคริสต์นั้น ว่ากันว่า แม่มดเคารพปีศาจ เป็นแผนการร้ายที่จะทำลายศาสนาคริสต์ และนำพามนุษย์เข้าสู่นรก และเกี่ยวข้องกับศาสนายิวอันเป็นคู่แข่งเสมอ และความเชื่อนี้ + คริสตจักรเรืองอำนาจ = เข่นฆ่าคนนอกศาสนาด้วยวิธีโหด “สุด ๆ”
ซึ่งจุดที่เกี่ยวข้อง ก็คือประมาณศตวรรษที่ 11 – 13 ที่การเดินทางไปยังโลกสามมิติเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และทีนี้ครับ 13 คือเลขศตวรรษที่เลวร้ายมาก เพราะคำพิพากษาของศาลของโป๊ป (พระสันตะปาปา) ผู้กุมอำนาจการเมืองและศาสนาอันยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น ตัดสินให้สามารถล่าแม่มดได้
การฆ่าแม่มดอย่างรุนแรงเกิดช่วงศตวรรษที่ 15 – 17 เป็นร้อยกว่าปี การสอบสวนที่เอาแทบไม่มีใครทนได้ (โหดไปถ้าเกิดผมจะบอกให้ละเอียดกว่านี้) การสอบสวนสิ้นสุดหากยอมรับว่าเป็นพ่อมดแม่มด และต้องให้ซัดทอดอีกด้วย
บทลงโทษแสนป๊อปปูล่าร์มากสำหรับการล่าพ่อมดแม่มด คือเผาทั้งเป็น
ไม่ได้ใหม่นะครับ มันคือมรดกตกทอดมาตั้งแต่ 350 ปีก่อนคริสตกาลอีกนะครับ (โหสมัยนั้นการเดินทางไปยังโลกสามมิติยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเลยนะนั่น ชาวฮิวแมนิคที่ไปอยู่ที่นั่นคงมีแค่ไม่กี่หยิบมือเอง)
ที่จริงผมลืมเล่าไป การเดินทางไปยังโลกสามมิตินั้นมันมีตั้งแต่สมัยก่อนยุคกลางโน้นแล้วครับ ที่จริงพวกฮิวแมนิคไปตั้งหลักที่ยุโรปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ พอคริสตจักรเรืองอำนาจสุด ๆ ก็เลยได้กำจัดสิ่งที่เหนือจากคำสอนของศาสนาออกไป (อารมณ์ประมาณ เราต้องอยู่ในกรอบเท่านั้น ห้ามออกนอกกรอบเด็ดขาด)
ความผิดของแม่มดในยุคนั้นเหรอครับ ก็ “พฤติกรรมที่ชี้ชัดว่าร่วมมือกับอสูร เพื่อทำลายศาสนาคริสต์” สิครับ
ก็ดูตัวอย่างนะครับ เช่น เชื่อว่าปีศาจทรงพลังเหนือเทพเจ้า, เอาเสื้อจากศพนักโทษประหารมาใส่, เอาสมุนไพรพิษมาทำยาพิษ (อันนี้ก็พอจะเห็นภาพนะ) ขโมยทารกไปเป็นอาหาร ไปปล่อยเชื้อโรงและทำลายพีชพันธุ์เสียหาย และร้ายสุด ๆ คือฝังรูปรอยโดยเอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็นรูปเหยื่อแล้วเอาเศษเสื้อผ้าเหยื่อมาตกแต่ง จากนั้นก็ทำการทรมานเหยื่อด้วยวิธีต่าง ๆ
มันเกิดขึ้นมาจากกรณีของ “จิลล์เดอแคร” ขุนนางที่ร่วมสู้กับ “โจนออฟอาร์ค” มาแล้ว หลังสงครามทำให้จิลล์สิ้นเนื้อประดาตัว เลยอยากกลับมารวมด้วยมนตร์ดำ โดยการใช้เลือดของผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา และฆ่าเด็กเอาเลือดไม่ต่ำกว่า 50 ราย (หนึ่งในนั้นอาจจะไม่พ้นฮิวแมนิคนั่นละ) แต่ก็ถูกจับได้และโดนเผาทั้งเป็น
หลัง ๆ คนแก่ ๆ ที่สับสนทำอะไรตามใจคนหลง ๆ ลืม ๆ เพี้ยน ๆ ไปจากชาวบ้าน กลายมาเป็นแพะรับบาปในกรณีเกิดเรื่องเลวร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อโดนกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด = ต้องตาย
ในช่วง ค.ศ. 1484 ได้กำหนดกฎหมายลงโทษคนที่ฝักใฝ่ไสยศาสตร์ และได้สร้างคู่มือล่าแม่มด ในการจับกุมและฆ่าแม่มดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลเป็นยังไงน่ะเหรอ…… (ถ้าหลังจากการล่าแม่มดจบลงตอนพ้นศตวรรษที่ 17 น่ะนะ)
ก็มีอยู่สามแง่
1.แง่ของอัน-แฟนทาสต์ หรือมักเกิ้ล หรือโน-แมจแบบที่แม่มดในโลกสามมิติเขาเรียกกัน เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข แต่ช่วงแรก ๆ หลังจบล่าแม่มดไม่นานก็ยังกลัวไสยศาสตร์อยู่นะ โดยเฉพาะแถวอเมริกาเหนือ ถ้าไปดูในภาพยนตร์แฟนทาสติคบีสต์ฯ นี่คือมีกลุ่มแซเลมที่สองอีกนะเนี่ย
2.แง่ของแม่มดในโลกสามมิติจากจินตนาการของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ได้อธิบายว่า พ่อมดแม่มดจะพยายามปิดบังไม่ให้อัน-แฟนทาสต์รู้เรื่องไสยศาสตร์ไปมากกว่านี้เหมือนช่วงยุคกลางแล้ว และจะยังคงเป้นแบบนี้เหมือนเดิมตลอดไป
3.แง่ของฮิวแมนิค เมื่อเหล่าเทพเจ้าและเทพีผู้สร้างเอกภพที่อุตส่าห์เปิดประตูให้เหล่าฮิวแมนิคเดินทางไปยังโลกสามมิติได้สะดวก ดันมารู้ตัวว่า อัน-แฟนทาสต์โหดร้ายมาก ก็เลยปิดตายประตูมิตินั้นซะเลย และประกอบกับมีภัยภายในก่อตัวขึ้น นั่นก็คือการคุกคามของเอ็นติตี้_โปรโต (Entity_Proto) อีกต่างหากครับ