ตอนที่สี่ : กลับมาที่นาร์เนียแล้ว แต่เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นกับบ้านฟอนเนี่ย!
ต่อมาพวกเด็ก ๆ ก็ร้องว่ากิ่งไม้จากที่ไหนมันตำ และดันมาเหยียบพื้นเปียกแฉะด้วย
“เอาล่ะแสดงว่าพวกเราหลุดเข้ามาในดินแดนที่ลูซี่พูดแล้วล่ะ” พอเพียงพูด “ฉันเชื่อใจลูซี่ เพราะฉันไปเจอมากับตัวเลย”
“เอาล่ะ” ปีเตอร์พูด “ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ผมคิดว่าที่นี่ละ ดินแดนแห่งนาร์เนีย ว่าแต่ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าหนาวขนาดนี้จะมีใครให้เสื้อโค้ตพวกเราบ้าง”
“ฉันว่านะมันอยู่ตรงนั้นไง” พอเพียงตอบและชี้ไปยังจุดที่เสื้อโค้ตกองอยู่
พวกเขาหยิบเสื้อโค้ตมาใส่ น่าแปลกที่ขนาดเสื้อนั้นใหญ่กว่าของเด็ก ๆ ทั้งสี่ แต่เหมาะพอดีกับของทั้งยี่สิบเอ็ดคน
“เหมือนอยู่แถวนอร์ธเรนด์ในอาเซรอธเลย — เป็นอีกดินแดนหนึ่งน่ะ” พอเพียงพูด
“เราเดินเลี่ยงไปทางซ้ายอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอถ้าคิดจะไปเสาไฟน่ะ” ลูคัสถาม
“เอ้ย! นั่นมันคำพูดของผมนะคุณลูคัส!” เอ็ดมันด์ร้อง
โชคร้ายที่เอ็ดมันด์ลืมไปว่าต้องทำตัวเหมือนไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เมื่อพูดแล้วนึกขึ้นได้ว่าดันเผยความจริง
“เห็นไหม!” ริวคิกร้อง “เอ็ดมันด์เคยมาที่นี่แล้ว แต่เขาพยายามทำตัวเหมือนไม่เคยไง”
“เอาล่ะพวกเราไปหาฟอนดีกว่า ชื่อทัมนัสหรืออะไรสักอย่างนั่นละ ลูซี่รู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน” พอเพียงหันไปหาลูซี่
“หนูรู้ค่ะคุณพอเพียง” ลูซี่ตอบ
ลูซี่นำทางพวกที่เหลือไปยังบ้านถ้ำของทัมนัส แต่แล้วเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องพบกับเรื่องสุดช็อค
บ้านทัมนัสโดนบุก!
ประตูโดนกระชากจนบานพับพลุด โดนฟาดจนหัก
ภายในบ้านมืดและเย็นเฉียบ อากาศอับชื้น กลิ่นราวกับร้างมาแล้วหลายวัน หิมะถูกลมพัดเข้ามากองผสมขี้เถ้า (เศษไม้ไหม้ไฟกับเถ้าถ่านเตาผิง) เหมือนมีคนเหวี่ยงไฟจากเตาผิงกระเด็นแล้วกระทืบให้ดับ และบนพื้นบ้านยังมีเศษจานชามกระเบื้องแตกกระจาย และภาพของฟอนซึ่งยิงซาลิน่าอธิบายว่าเป็นภาพพ่อทัมนัส โดนมีดฟันกะรุ่งกะริ่ง
“เสียดายที่พวกเราไม่ได้เอาอาวุธมา” พอเพียงพูด “ไม่งั้นถ้าเกิดเราเจอผู้บุกรุกมาที่บ้านนี้คงจะป้องกันตัวเองได้แล้ว”
เจซซี่ก้มลงไปดูแผ่นกระดาษบนพื้นบ้าน
“กระดาษ มันมีข้อความเขียนไว้อยู่” เจซซี่พูด และส่งให้พอเพียงอ่าน
“เหมือนมันจะเป็นหมายจับผู้ต้องหา” พอเพียงพูดก่อนที่จะลงมืออ่านทั้งที่แสงมัว (พอเพียงไม่ใช่แค่ตาไว แต่ยังสามารถอ่านในที่แสงมืด ๆ ได้ เรียกได้ว่าตาของเขาสามารถปรับให้เป็นไนท์วิชั่นได้โดยไม่ต้องใช้ยาก็ว่าได้) “‘ผู้เคยครอบครองสถานที่นี้เดิมได้แก่ฟอนชื่อทัมนัส ได้ตกเป็นนักโทษรอการพิพากษา ข้อหาทรยศต่อจักรพรรดินีจาดิส ราชินีแห่งนาร์เนีย เจ้าของปราสาทแคร์พาราเวล (Cair Paravel) จักรพรรดินีแห่งหมู่เกาะโดดเดี่ยว ฯลฯ–‘ โห สถานภาพจะเยอะไปไหนเนี่ย ‘–และข้อกล่าวหาเอาใจฝักใฝ่ศัตรูของพระนาง ปกปิดซ่อนเร้นคนสอดแนม และคบหาสมาคม เกื้อกูลมนุษย์ (ลงชือ) มอกริม (Maugrim) ผู้บังคับการกองตำรวจลับ พระราชินีทรงพระเจริญ‘“
อ่านจบพอเพียงรู้สึกไม่พอใจกับข้อความในจดหมายนี้มาก เขาโมโหกับที่คนเขียนประกาศจับทัมนัสกล่าวหา
“เขาแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง!” พอเพียงคำรามและขยำประกาศจับเป็นก้อน “ฉันไม่อยากให้เขาต้องทำตามที่แกบอก! ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่จาดิสถ้าแกต้องลงโทษเจ้าฟอนนั่นแบบที่เขาไม่ควรจะเกิดมา!“
เขาฉีกประกาศเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเขวี้ยงเศษเหล่านั้นลงพื้น
“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณพอเพียง” ลูซี่ร้อง “เพราะหนูทีเดียวฟอนจิงต้องเดือดร้อน เขาซ่อนฉันไม่ให้แม่มดรู้ และชี้ทางให้หนูกลับไปอย่างปลอดภัย”
“อย่างนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าเอาใจฝักใฝ่ศัตรู ปกปิดซ่อนเร้นคนสอดแนม คบหาสมาคมเกื้อกูลมนุษย์!” พอเพียงคำรามเบา ๆ อย่างโกรธจัด
สีหน้าของลูซี่แสดงคำตอบว่าใช่
“แล้วจะให้ทำยังไงดีล่ะ” ภัททิต้าพูด “ในเมื่อมาทางนี้แล้วเรากลับไปอีกไม่น่าจะได้แล้ว”
“หนูว่าลูซี่พูดถูก หนูเองไม่อยากจะเดินต่อไปอีกแล้วและนึกว่าเราไม่น่าจะมากันเลย แต่ก็เห็นด้วยว่าเราช่วยคุณอะไรนั่นน่ะนะ–” ซูซานตอบ
“ทัมนัส” ภัททิต้าช่วย
“ค่ะ ที่เป็นฟอนใจดีของลูซี่” ซูซานเสริม
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันนะ” ปีเตอร์บอก “ผมเป็นห่วงว่าเราไม่มีอะไรจะกิน ผมอยากให้กลับไปหาเสบียงมาก่อน แต่เราไม่รู้ว่าออกไปแล้วจะกลับมาได้อีกไหม ผมคิดว่าเราต้องเดินต่อแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงคราวนี้พวกเราขนเสบียงมาให้สำหรับพวกเธอทั้งหมดแล้ว” เจซซี่พูดและควักเอาขนมปัง แครอท ปลา เนื้อวัว เนื้อหมู — เอาเป็นว่าอาหารที่พอจะมีได้นั่นละ มากันใหทุกคนกินกัน
สักพักลูซี่เห็นนกโรบิน เธอถามนกถึงเรื่องฟอน และนกก็นำทางไปทันที พวกสาว ๆ ทั้งเก้าคนไล่ตามนก และพวกผู้ชายที่เหลือไล่ตาม เอ็ดมันด์ได้บอกว่ากำลังติดตามผู้นำทางที่ยังไม่รู้จัก ไม่รู้ว่านกตัวนี้อยู่ข้างไหน ไม่รู้เรื่องว่าตกลงฟอนกับแม่มดนั้น ฝ่ายไหนฝ่ายดีและฝ่ายไหนฝ่ายชั่วร้าย และก็เรื่องทางกลับบ้านด้วย
“ไอ้บ้า! นายพูดอย่างนี้ได้ยังไงเรื่องทางกลับบ้าน!” ริวคิกร้อง “เรากลับไปยังเสาไฟไม่ได้แล้ว!“